• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512051 เพ อนบ านส งของแล วชอบให เราร บแทน(ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 8, 2025
in Uncategorized
0
D0512051 เพ อนบ านส งของแล วชอบให เราร บแทน(ละครส น) หน งส นด BSC part2

พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย 2025: กลยุทธ์ปฏิรูปโครงสร้าง ดึงดูดการลงทุนยั่งยืน และขับเคลื่อนตลาดทุนสู่ยุคใหม่

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงการเงินและเศรษฐกิจไทยมากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงและพลวัตของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ปี 2025 นี้ ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนผ่านของปฏิทิน แต่คือห้วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยยืนอยู่บนทางแยกอันยิ่งใหญ่ ระหว่างการจมปลักอยู่กับปัญหาเชิงโครงสร้างเดิม ๆ หรือทะยานขึ้นสู่ศักยภาพที่แท้จริงในเวทีเศรษฐกิจโลก เสียงสะท้อนจากภาคเอกชน นักธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญ ล้วนชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า “ถึงเวลาต้องรื้อและสร้างใหม่” หากเราต้องการหลุดพ้นจากกับดักการเติบโตต่ำ และสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน

บทความนี้จะเจาะลึกถึงประเด็นสำคัญที่ไทยต้องเร่งแก้ไข พร้อมนำเสนอแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง เพื่อปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจในอีกทศวรรษข้างหน้า โดยยึดหลักการที่ว่า การปฏิรูปต้องมาจากรากฐาน ไม่ใช่เพียงแค่การประคับประคอง

เขย่าโครงสร้างเพื่อหนีกับดัก GDP ต่ำ: วิกฤตหรือโอกาส?

หากเรายังคงดำเนินธุรกิจและบริหารประเทศในรูปแบบเดิม การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยที่ 1-2% ต่อปี จะไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขที่น่าผิดหวัง แต่คือสัญญาณเตือนอันตรายที่บั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างต่อเนื่อง จากประสบการณ์ที่ผมเห็นมา ประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากกำลังแซงหน้าเราไปอย่างรวดเร็ว ด้วย GDP ต่อหัวของคนไทยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 8,000 เหรียญสหรัฐฯ เราไม่สามารถยอมรับการเติบโตในระดับนี้ได้อีกต่อไป เพราะมันหมายถึงการที่คุณภาพชีวิตของประชาชนจะไม่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด และความเหลื่อมล้ำจะยิ่งถ่างออกไป

การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น “ความจำเป็นเร่งด่วน” ที่รัฐบาลและทุกภาคส่วนต้องจริงจัง โจทย์สำคัญคือการยกระดับผลิตภาพ (Productivity) ของประเทศให้สูงขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตจากเดิมที่พึ่งพาแรงงานเข้มข้น ไปสู่เศรษฐกิจฐานความรู้และนวัตกรรม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว

ปัญหาหนี้ครัวเรือน: โซ่ตรวนที่มองไม่เห็นของการบริโภค

หนึ่งในปัจจัยที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง คือปัญหาสินเชื่อหนี้ครัวเรือนที่พุ่งทะลุ 90% ของ GDP ซึ่งเป็นสถิติที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง หนี้สินเหล่านี้ไม่ใช่แค่ภาระของแต่ละครอบครัว แต่เป็นเสมือนโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น บีบรัดกำลังซื้อและศักยภาพการบริโภคภายในประเทศ ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงภาคธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์

จากข้อมูลเชิงลึกที่ผมได้สัมผัส การที่สถาบันการเงินต้องเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจากความเสี่ยงด้านหนี้เสียที่สูง ทำให้ผู้ขอสินเชื่อถูกปฏิเสธสูงถึง 50-70% นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนว่าการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่ใช่เพียงแค่การพักหนี้ หรือปรับโครงสร้างหนี้เฉพาะหน้า แต่ต้องเป็นการแก้ปัญหาแบบองค์รวมที่ยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการให้ความรู้ทางการเงิน การส่งเสริมวินัยทางการเงิน และที่สำคัญที่สุดคือการเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับประชาชน

รัฐบาลปี 2025 และต่อ ๆ ไป ควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดระดับหนี้ครัวเรือนลงมาอยู่ที่ 80% ของ GDP ให้ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ด้วยมาตรการที่ครอบคลุม ทั้งการส่งเสริมการออม การพัฒนากลไกตลาดรองสำหรับหนี้เสีย (เช่น AMC) และการสร้างอาชีพที่มีรายได้สูงขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีกำลังจับจ่ายใช้สอยและลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ

ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI): แม่เหล็กแห่งนวัตกรรมและการผลิตแห่งอนาคต

การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการ “พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-Curve) ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งไม่ใช่แค่การลงทุนที่เพิ่มเม็ดเงิน แต่คือการนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และกระบวนการผลิตสมัยใหม่เข้ามาในประเทศ เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการผลิตและเปลี่ยนโครงสร้างสินค้าส่งออกของไทยให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น

หน่วยงานส่งเสริมการลงทุนอย่าง BOI มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง แต่ต้องปรับบทบาทจากผู้ให้สิทธิประโยชน์ มาเป็น “ผู้ขับเคลื่อนและอำนวยความสะดวกเชิงรุก” ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่การรายงานตัวเลขยอดขอรับส่งเสริมการลงทุน แต่ต้องติดตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง การลงทุนยั่งยืนตามหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) ควรเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ FDI เพื่อดึงดูดนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างรับผิดชอบ

นอกจากนี้ การพึ่งพิงตลาดส่งออกเดิม ๆ อย่างสหรัฐอเมริกาอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เราต้องแสวงหาตลาดใหม่ ๆ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก เพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับภาคการส่งออกของไทย

ทิ้งนโยบายประชานิยม: สร้างวินัยทางการคลังเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องกล้าที่จะลด ละ เลิก นโยบายประชานิยมที่ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนต่อเศรษฐกิจของชาติ แม้ในระยะสั้นอาจดูเหมือนเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อน แต่ในระยะยาวกลับสร้างภาระทางการคลังที่หนักอึ้ง และไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอ หากเราเปรียบเศรษฐกิจเป็นผู้ป่วย การให้ยาพาราเพื่อบรรเทาอาการปวดเพียงชั่วคราว ไม่ได้รักษาโรคให้หายขาด

วินัยทางการคลังคือเสาหลักสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ และรักษาเสถียรภาพของประเทศ การจัดสรรงบประมาณต้องเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนระยะยาวและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ แทนที่จะเป็นการแจกจ่ายเงินที่หายไปในเวลาอันรวดเร็ว การปฏิรูปงบประมาณให้โปร่งใสและมีประสิทธิภาพสูงสุด จะเป็นก้าวสำคัญสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริง

ปลุกพลังตลาดทุน: หัวใจของการระดมทุนและกระจายความมั่งคั่ง

ตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่แค่แหล่งลงทุนของชนชั้นสูงหรือผู้มีรายได้สูงอีกต่อไป แต่เป็น “เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ” ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการระดมทุนและกระจายความมั่งคั่งสู่ประชาชนทุกระดับ ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ผมเห็นว่ากลไกตลาดทุนไทยยังทำงานได้ไม่เต็มศักยภาพเท่าที่ควร

รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศในปี 2026 ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดทุนอย่างจริงจัง ด้วยการสร้างความเข้าใจ ส่งเสริมการเข้าถึง และสร้างกลไกที่ทำให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากการเติบโตของบริษัทไทย การลงทุนหุ้นยั่งยืน (ESG Investment) ที่กำลังเป็นกระแสโลก ควรได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อดึงดูดเงินลงทุนคุณภาพสูงจากต่างชาติ

เมื่อตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นจะหมุนเวียนไปสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านการบริโภคและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น นี่คือกลไกธรรมชาติที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้หลายรอบ หากได้รับการบริหารจัดการอย่างชาญฉลาดและโปร่งใส การพัฒนาตลาดทุนให้มีความทันสมัย มีนวัตกรรมดิจิทัล และกฎเกณฑ์ที่เอื้อต่อการลงทุน จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการระดมทุนของภาคธุรกิจ และเป็นช่องทางให้ประชาชนไทยสามารถวางแผนการบริหารความมั่งคั่งของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เสถียรภาพการเมืองและทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง: รากฐานของความเชื่อมั่น

ปัจจัยสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือ “เสถียรภาพทางการเมือง” และการมี “ทีมเศรษฐกิจที่มีเอกภาพ” การเปลี่ยนแปลงนโยบายบ่อยครั้งตามการเปลี่ยนผ่านของรัฐบาล สร้างความไม่มั่นใจให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการความแน่นอนและต่อเนื่องในการวางแผนธุรกิจระยะยาว

ในฐานะนักธุรกิจ ผมปรารถนาที่จะเห็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีพรรคการเมืองหลักที่สามารถคุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจได้อย่างเป็นเอกภาพ ไม่ใช่การแบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบจนขาดทิศทางร่วมกัน หัวหน้าทีมเศรษฐกิจควรมีอำนาจและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนนโยบายมหภาคให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสามารถประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น

เมื่อการเมืองนิ่ง นโยบายเศรษฐกิจมีความต่อเนื่อง นักลงทุนจะมีความเชื่อมั่น กล้าที่จะลงทุนในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

ภาคอสังหาริมทรัพย์: ฟื้นตัวอย่างชาญฉลาดในยุคดิจิทัล

ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่หนักหน่วงที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ ทั้งอุปทานและอุปสงค์ที่ลดต่ำลง ปัญหาหนี้ครัวเรือนและเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวด ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงเป็นประวัติการณ์ แม้มาตรการลดค่าโอน-จดจำนองจะช่วยได้บ้าง แต่ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาปลายเหตุ

การฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2025 และปีต่อ ๆ ไป จะต้องมาพร้อมกับการปรับตัวอย่างชาญฉลาด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องหันมาให้ความสำคัญกับเทรนด์ใหม่ ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน (Green Building), Smart Home, และการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุและกลุ่มชาวต่างชาติวัยเกษียณที่มีกำลังซื้อ

รัฐบาลควรเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ การอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) เพื่อลดต้นทุนแฝงให้กับผู้ประกอบการ และการสนับสนุนกลไกที่ช่วยลดภาระหนี้ครัวเรือน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยของประชาชน และกระตุ้นตลาดโดยรวมให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง การวางแผนการพัฒนาเมืองและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว

ยกระดับศักยภาพแรงงานไทย: พลังขับเคลื่อน S-Curve ใหม่

เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วนคือการ “ยกระดับศักยภาพแรงงานไทย” การ Reskill และ Upskill พลเมืองของเราให้มีทักษะที่ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม New S-Curve และเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะทักษะด้าน AI, Data Science, Cyber Security และ Green Technology

ผมเห็นว่าการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์คือกุญแจสู่การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว รัฐบาลควรส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคเอกชน และสถาบันฝึกอบรม เพื่อออกแบบหลักสูตรที่ทันสมัยและตอบโจทย์ตลาดแรงงานแห่งอนาคต การสร้างบุคลากรที่มีความสามารถสูง ไม่ใช่แค่การดึงดูดการลงทุน แต่เป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับประเทศเอง

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism): พระเอกตัวจริงที่รอการเจียระไน

ประเทศไทยมีจุดแข็งที่โดดเด่นในด้านการบริการและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ สำหรับนักเดินทางที่แสวงหาประสบการณ์ Wellness และ Medical Hub ทั่วโลก แต่ศักยภาพที่แท้จริงของ “การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” ยังไม่ถูกเจียระไนอย่างเต็มที่

เราต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและบริการทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก พร้อมกับการพัฒนาบุคลากรด้านบริการให้มีคุณภาพสูงสุด และสร้างแพ็กเกจการท่องเที่ยวที่หลากหลายและน่าสนใจ เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะชาวต่างชาติวัยเกษียณที่ต้องการมาพักอาศัยระยะยาว การโปรโมทให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางการแพทย์และ Wellness ระดับภูมิภาค” จะเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุน

โครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต: เชื่อมไทยสู่เวทีโลก

โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ คือเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งทางถนน ทางรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า ท่าเรือ และสนามบิน ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเร่งรัด เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็น “ศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค” ที่สามารถเชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ากับตลาดโลก

ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก กำลังเผชิญกับปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการจราจรติดขัด ปัญหาขยะล้นเมือง และปัญหาการขาดแคลนน้ำประปา รัฐบาลควรเร่งผลักดันเมกะโปรเจกต์ที่จำเป็น เช่น ถนน ทางด่วน รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน เพื่อจัดระเบียบเมืองและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ รวมถึงสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวและนักลงทุน การมีระบบคมนาคมขนส่งที่ดี ไม่เพียงแค่ลดต้นทุนโลจิสติกส์ แต่ยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยรวมของประเทศ

ปราบทุจริตและลดขั้นตอนราชการ: สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน

ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในระบบราชการ และขั้นตอนการติดต่อขออนุญาตที่ยุ่งยากล่าช้า เป็นอุปสรรคสำคัญที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ผมได้ยินเสียงสะท้อนจากนักธุรกิจมานับครั้งไม่ถ้วนว่า “ต้นทุนแฝง” เหล่านี้สร้างภาระและลดทอนโอกาสในการทำธุรกิจอย่างมหาศาล

รัฐบาลปี 2025 และต่อ ๆ ไป ต้องแสดงความจริงใจและความมุ่งมั่นในการปราบปรามการทุจริตอย่างเด็ดขาด พร้อมกับการปฏิรูประบบราชการให้มีความโปร่งใส รวดเร็ว และเป็นมิตรกับผู้ประกอบการ การจัดตั้ง “ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service)” ที่มีประสิทธิภาพจริง ๆ และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการอนุมัติ-อนุญาต จะเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มดัชนี Ease of Doing Business และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนอย่างแท้จริง

บทสรุปและคำเชิญชวน: ร่วมสร้างอนาคตไทย

ปี 2025 คือช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจครั้งสำคัญของประเทศไทย เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไป หากเราต้องการหลุดพ้นจากกับดักการเติบโตต่ำ และสร้างประเทศที่มั่งคั่ง ยั่งยืน และเป็นธรรมสำหรับคนไทยทุกคน

ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนที่คลุกคลีในแวดวงธุรกิจมายาวนาน ผมเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยและคนไทย เรามีทรัพยากร ความสามารถ และความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่โดดเด่น สิ่งที่เราต้องการคือ “วิสัยทัศน์ที่กล้าหาญ” “การลงมือทำที่จริงจัง” และ “ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคประชาชน

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมองไปข้างหน้าด้วยความหวังและความมุ่งมั่น มาร่วมกัน “พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย” ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ยั่งยืน และขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสและมั่นคงให้ลูกหลานของเราทุกคน

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจไทยให้ก้าวสู่ยุคใหม่ที่รุ่งเรืองและยั่งยืนไปพร้อมกัน!

Previous Post

D0512050 เง นเด อนเป นแสน แต ให เง นแม ไม ได (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512052 ชายตกอ พถ งข นล กเง นศw(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512052 ชายตกอ พถ งข นล กเง นศw(ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512052 ชายตกอ พถ งข นล กเง นศw(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1312015 อมแพง อะไหล เก างบรรล EP2 part2
  • D1312014 อตน คนเย ยวเล อตน คนเย ยวเล part2
  • D1312013 อปล อยหน ามหน ไว ทำไม EP2 part2
  • D1312012 กระชากหน ากาก วยหน ากากว เศษ EP2 part2
  • D1312011 4เม ยย งไง ให คลอดว นเด ยวก EP1 part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.