• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512050 เง นเด อนเป นแสน แต ให เง นแม ไม ได (ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 8, 2025
in Uncategorized
0
D0512050 เง นเด อนเป นแสน แต ให เง นแม ไม ได (ละครส น) หน งส นด BSC part2

พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย 2569: ทางรอดจากกับดัก GDP ต่ำ กับโอกาสการลงทุนยุคใหม่

ในฐานะนักบริหารธุรกิจการเงินและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่มีประสบการณ์กว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตและวิเคราะห์พลวัตของเศรษฐกิจไทยมาอย่างใกล้ชิด และในปี พ.ศ. 2569 ซึ่งเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญ ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกที่ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่เพื่อกำหนดอนาคต ความท้าทายที่สั่งสมมานาน ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่ติดหล่มต่ำกว่า 1-2% มาอย่างต่อเนื่อง หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง การลงทุนจากต่างประเทศที่ชะลอตัว ตลอดจนโครงสร้างเศรษฐกิจที่ไม่ยืดหยุ่น กำลังส่งเสียงเตือนถึงความจำเป็นในการ “รื้อเศรษฐกิจ” ครั้งใหญ่ หากเรายังต้องการหลีกหนีจากกับดักรายได้ปานกลางและก้าวไปสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วอย่างแท้จริง

วิกฤตเศรษฐกิจฐานราก: ทำไม GDP 1% จึงไม่ใช่ทางเลือก

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่ากังวล โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับศักยภาพและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคที่กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การเติบโตเพียง 1-2% ต่อปี ไม่เพียงพอที่จะสร้างงานใหม่ ๆ เพิ่มรายได้ต่อหัว หรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรได้อย่างยั่งยืน ด้วยรายได้ต่อหัวที่ยังคงอยู่ที่ราว 7,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เรากำลังถูกทิ้งห่างจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างชัดเจน สาเหตุหลักประการหนึ่งคือโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยังพึ่งพิงภาคการส่งออกและท่องเที่ยวในรูปแบบเดิมๆ ขาดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และขาดการขับเคลื่อนจากนวัตกรรมที่เพียงพอ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศถดถอยลง และทำให้ประเทศไทยติดอยู่ในวงจรการเติบโตที่เชื่องช้า

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2569 ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งใหม่ หรือการปรับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน ถือเป็นโอกาสทองที่เราจะสามารถพลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสได้ รัฐบาลใหม่หรือทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จะต้องกล้าหาญพอที่จะมองข้ามผลประโยชน์ระยะสั้นและประชานิยมที่บั่นทอนวินัยทางการคลัง เพื่อมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างจริงจังและยั่งยืน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา ผมเชื่อมั่นว่านี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ต้องมีการปฏิรูปเศรษฐกิจขนานใหญ่ และเราจะพาเศรษฐกิจไทยก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปได้อย่างไร

เสาหลักการปฏิรูป: สร้างรากฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ประเด็นเร่งด่วนที่รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพื่อเร่งเครื่องยนต์เศรษฐกิจของไทยให้กลับมาวิ่งได้เต็มกำลัง มีดังนี้:

ปลดล็อกพันธนาการหนี้ครัวเรือน: หัวใจของการบริโภค
หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงเกิน 90% ของ GDP เป็นกับดักที่สำคัญที่สุดที่ฉุดรั้งกำลังซื้อและขีดความสามารถในการเติบโตของเศรษฐกิจไทย การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่ใช่เพียงการพยุงลูกหนี้รายบุคคล แต่เป็นการสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจทั้งระบบ รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างจริงจังและรอบด้าน ตั้งแต่การปรับโครงสร้างหนี้ การให้ความรู้ทางการเงินเพื่อป้องกันการก่อหนี้เกินตัว ไปจนถึงการสนับสนุนการสร้างรายได้เพื่อเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ในระยะยาว การปล่อยให้ปัญหานี้คาราคาซังไม่ต่างอะไรกับการลดทอนกำลังซื้อของประชากร ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจแทบทุกแขนง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญกับอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่สูงถึง 50-70% กลไกการบริหารจัดการหนี้เสียของ AMC (Asset Management Company) ที่เข้ามาซื้อหนี้ NPA จากสถาบันการเงินอาจเป็นส่วนหนึ่งของทางออก แต่ต้องผสานกับการแก้ปัญหาที่ต้นตอและสร้างวินัยทางการเงินอย่างยั่งยืนเพื่อไม่ให้ปัญหานี้กลับมาอีก

ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI): พลิกโฉมโครงสร้างการผลิต
ในยุคที่ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลง และประเทศต่างๆ แข่งขันกันดึงดูดการลงทุน ไทยจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์อย่างเร่งด่วน การดึงดูด FDI ไม่ใช่เพียงการเสนอสิทธิประโยชน์ของ BOI เท่านั้น แต่ต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ระบบกฎหมายที่โปร่งใสและเป็นธรรม การมีแรงงานที่มีทักษะตรงตามความต้องการ และที่สำคัญคือการมุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต หรือ New S-Curve ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออก เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานสะอาด และเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนเหล่านี้จะสร้างงานที่มีมูลค่าสูง ถ่ายทอดเทคโนโลยี และยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศ นอกจากนี้ การมีที่ปรึกษาการลงทุนที่เชี่ยวชาญและเข้าถึงง่ายจะช่วยดึงดูดผู้ประกอบการต่างชาติได้มากขึ้น

ลดละเลิกนโยบายประชานิยม: สร้างวินัยทางการคลัง
บทเรียนจากหลายประเทศทั่วโลกชี้ชัดว่านโยบายประชานิยมที่เน้นการใช้จ่ายระยะสั้นโดยขาดความรับผิดชอบทางการคลัง นำมาซึ่งหนี้สาธารณะที่พอกพูนและภาวะการคลังที่อ่อนแอ ในปี 2569 รัฐบาลใหม่ต้องมีวิสัยทัศน์ที่จะยุติวงจรนี้ การใช้จ่ายภาครัฐควรเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการวิจัยและพัฒนา ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน การฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ จำเป็นต้องอาศัยนโยบายการคลังที่โปร่งใส มีวินัย และสามารถตรวจสอบได้ การจัดสรรงบประมาณต้องเน้นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ แทนที่จะเป็นการบรรเทาอาการชั่วคราว นโยบายที่มุ่งสร้างความยั่งยืนทางการคลังจะส่งสัญญาณเชิงบวกต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจโดยรวม

ยกระดับตลาดทุน: เครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ตลาดทุนไทยมีศักยภาพที่จะเป็นแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากได้รับการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดทุนให้มีความเข้มแข็ง มีสภาพคล่อง และเข้าถึงได้ง่ายสำหรับนักลงทุนทุกระดับ ไม่ใช่เฉพาะผู้มีรายได้สูง การส่งเสริมการลงทุนหุ้นสำหรับรายย่อย การลดอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับ SME และ Start-up ผ่านตลาดรอง (เช่น LiVE Exchange) ตลอดจนการปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัยและเอื้อต่อการเติบโต จะช่วยให้ตลาดทุนทำหน้าที่เป็นกลไกในการสร้างความมั่งคั่งและกระจายโอกาสให้กับทุกคน เมื่อตลาดหุ้นขาขึ้น กำลังซื้อของผู้บริโภคก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจมหภาค

โอกาสทองในภาคส่วนสำคัญ: S-Curve, ท่องเที่ยว และ Wellness

แม้เศรษฐกิจไทยจะเผชิญกับความท้าทาย แต่ก็ยังมีโอกาสทองในภาคส่วนที่ประเทศไทยมีศักยภาพโดดเด่น:

อุตสาหกรรม S-Curve และ Digital Economy: การพัฒนาแรงงานให้มีทักษะสูง (Upskill-Reskill) เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจ S-Curve และ Digital Economy ไทย คือกุญแจสำคัญ การส่งเสริมการศึกษาที่เชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม การลงทุนในเทคโนโลยี และการดึงดูดผู้มีความสามารถจากต่างประเทศ จะช่วยให้ไทยสามารถก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเต็มตัว และสามารถดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้มากขึ้น

ภาคการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism): ประเทศไทยได้รับการยอมรับในฐานะ “จุดหมายปลายทาง” ระดับโลกอยู่แล้ว แต่เราต้องยกระดับจากการท่องเที่ยวเชิงปริมาณไปสู่เชิงคุณภาพ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ บริการทางการแพทย์ระดับโลก การพักผ่อนสำหรับผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อสูง (Retirement Visa) และการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แปลกใหม่และยั่งยืน จะเพิ่มมูลค่าให้กับภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคหลังโควิดที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น “เซอร์วิสมายด์” ที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยคือจุดแข็งที่เราต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

บทบาทของโลจิสติกส์: จุดยุทธศาสตร์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่อยู่ตรงกลางของภูมิภาค ไทยมีศักยภาพที่จะเป็น Regional Logistic Hub ที่สำคัญ การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ จะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และดึงดูดการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติที่ต้องการกระจายห่วงโซ่อุปทาน

ปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ: รากฐานของความเชื่อมั่น

สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากการปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐอย่างจริงจัง:

Ease of Doing Business และการปราบปรามคอร์รัปชัน: ปัญหาคอร์รัปชันและขั้นตอนราชการที่ยุ่งยาก ถือเป็น “ต้นทุนแฝง” ที่กัดกร่อนความสามารถในการแข่งขันของประเทศมาโดยตลอด รัฐบาลต้องเร่งผลักดันนโยบายการอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ (Ease of Doing Business) ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขที่สวยงาม แต่ต้องลงลึกถึงการลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการอนุมัติ-อนุญาต (เช่น One Stop Service 2.0 ที่บูรณาการอย่างแท้จริง) และที่สำคัญที่สุดคือการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและจริงจังเพื่อขจัดปัญหาคอร์รัปชันในระบบราชการ สิ่งนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติได้เป็นอย่างดี

เสถียรภาพทางการเมืองและทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง: การเปลี่ยนแปลงนโยบายบ่อยครั้งจากการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่ไม่ราบรื่น เป็นปัจจัยสำคัญที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน รัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศในปี 2569 จำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพทางการเมือง และมีทีมเศรษฐกิจที่มีเอกภาพ มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และสามารถดำเนินนโยบายได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่การแยกส่วนกันบริหาร ทำให้ขาดการบูรณาการที่จำเป็น ความมั่นคงทางการเมืองจะสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนระยะยาว และเปิดโอกาสให้แผนปฏิรูปเศรษฐกิจสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่

แก้ปัญหาเชิงพื้นที่: กรณีภูเก็ตโมเดล: ปัญหาในพื้นที่สำคัญอย่างภูเก็ต สะท้อนถึงความท้าทายในการบริหารจัดการระดับประเทศ แม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่สร้างรายได้มหาศาล แต่กลับประสบปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอ เช่น การจราจรติดขัด ปัญหาขยะ น้ำประปาไม่พอใช้ และความปลอดภัย รัฐบาลต้องเร่งลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของเมือง ตลอดจนจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ การแก้ปัญหาในภูเก็ตจะเป็นตัวอย่างที่ดีในการยกระดับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ของไทยให้เป็น World-class Destination อย่างยั่งยืน

ถึงเวลาต้อง “กล้า” ที่จะเปลี่ยนแปลง

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงเศรษฐกิจและการลงทุนมาอย่างยาวนาน ผมขอยืนยันว่าปี 2569 คือห้วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยต้องตัดสินใจเลือกอนาคต เราไม่สามารถทำแบบเดิมๆ ได้อีกต่อไป และคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง การจะพาเศรษฐกิจไทยกลับไปเติบโตที่ระดับ 3-4% ได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญ การดำเนินการที่เด็ดขาด และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน

หากรัฐบาลกล้าที่จะรื้อโครงสร้างปัญหาที่สะสมมานาน กล้าที่จะละทิ้งนโยบายประชานิยมที่บั่นทอนอนาคต และกล้าที่จะลงทุนในสิ่งที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืน ผมเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถหลุดพ้นจากกับดัก GDP ต่ำ และก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

ถึงเวลาแล้วที่เราจะร่วมกันสร้างรากฐานเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง ยั่งยืน และเป็นธรรม เพื่อให้ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งโอกาสการลงทุน และเป็นบ้านที่น่าอยู่สำหรับทุกคนในอนาคต มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งประวัติศาสตร์นี้ไปพร้อมกัน เพื่ออนาคตที่สดใสของประเทศไทย.

Previous Post

D0512049 รอยร าว ในกรอบร ป(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512051 เพ อนบ านส งของแล วชอบให เราร บแทน(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512051 เพ อนบ านส งของแล วชอบให เราร บแทน(ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512051 เพ อนบ านส งของแล วชอบให เราร บแทน(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1312015 อมแพง อะไหล เก างบรรล EP2 part2
  • D1312014 อตน คนเย ยวเล อตน คนเย ยวเล part2
  • D1312013 อปล อยหน ามหน ไว ทำไม EP2 part2
  • D1312012 กระชากหน ากาก วยหน ากากว เศษ EP2 part2
  • D1312011 4เม ยย งไง ให คลอดว นเด ยวก EP1 part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.