• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512048 เด กชายยากไร วยช ตล กสาวเศรษฐ (ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 8, 2025
in Uncategorized
0
D0512048 เด กชายยากไร วยช ตล กสาวเศรษฐ (ละครส น) หน งส นด BSC part2

ถอดรื้อเศรษฐกิจไทยปี 2568: หนีกับดักเติบโตต่ำ ดึงดูดการลงทุน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ในฐานะนักบริหารธุรกิจที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงการเงินและอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมมองว่าปี 2568 คือปีแห่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย เรากำลังยืนอยู่บนทางแยกที่ต้องเลือกว่าจะเดินหน้าด้วยการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง หรือจะจมปลักอยู่ในวัฏจักรการเติบโตต่ำที่คุกคามโอกาสของคนรุ่นใหม่และขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง GDP ที่ติดหล่ม, ภาระหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง, หรือโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าหลัง ล้วนเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไขด้วยวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญและปฏิบัติการที่เด็ดขาด เพื่อปลดล็อกศักยภาพอันมหาศาลของประเทศและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน

ความจำเป็นเร่งด่วนของการปฏิรูปเศรษฐกิจเชิงโครงสร้าง: หลุดพ้นจากกับดักเติบโตต่ำ

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันบ่งชี้ชัดเจนว่าการเติบโตที่ระดับ 1-2% ต่อปีนั้นไม่เพียงพอที่จะผลักดันประเทศให้ก้าวข้ามสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้อย่างแท้จริง เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอย่างเวียดนามหรืออินโดนีเซียที่มียุทธศาสตร์ชัดเจนและสามารถรักษาอัตราการเติบโตในระดับสูงได้ต่อเนื่อง ไทยกลับเผชิญกับความท้าทายด้านผลิตภาพที่ลดลง, การขาดแคลนนวัตกรรม, และโครงสร้างประชากรที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ “GDP ต่อหัว” ของคนไทยยังคงอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก เมื่อนานาชาติเดินหน้าด้วยความเร็วสูง การที่เราเติบโตช้ากว่าย่อมหมายถึงการถอยหลังในเวทีโลกอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

โจทย์สำคัญคือเราจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตได้ 3-4% อย่างยั่งยืนอีกครั้ง ซึ่งต้องเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ปัญหาเชิงลึกและลงมือแก้ไขในจุดที่สำคัญที่สุด การแก้ปัญหาที่ผิวเผินหรือใช้เพียงมาตรการชั่วคราว ไม่ต่างอะไรกับการกินยาแก้ปวดที่บรรเทาอาการได้เพียงระยะสั้น แต่ไม่ได้รักษาโรคที่เป็นต้นเหตุ การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น “ความจำเป็น” ที่ต้องทำในวันนี้ เพื่ออนาคตที่มั่นคงของลูกหลานเรา

ทบทวนนโยบายการคลังและก้าวข้ามประชานิยม

หนึ่งในประเด็นที่นักบริหารธุรกิจและนักลงทุนจับตามองอย่างใกล้ชิด คือแนวทางการบริหารจัดการนโยบายการคลังของรัฐบาลในชุดปัจจุบันและชุดต่อไปในปี 2568 และ 2569 ที่ผ่านมา เราได้เห็นนโยบายประชานิยมที่มักถูกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่บ่อยครั้งกลับสร้างภาระหนี้สาธารณะและบั่นทอนวินัยทางการคลังในระยะยาว การใช้จ่ายงบประมาณอย่างไม่เกิดประสิทธิผล หรือการแจกเงินที่ไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาทบทวนอย่างจริงจัง

ประเทศต้องการนโยบายที่สร้าง “พื้นฐาน” ที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่เพียง “ภาพลวงตา” ของการฟื้นตัว รัฐบาลควรหันมาเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ, การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, และการสนับสนุนนวัตกรรม ซึ่งเป็นการสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว การมีเสถียรภาพทางการคลังเป็นหัวใจสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ หากเรายังคงวนเวียนอยู่กับนโยบายที่เน้นแต่ประชานิยม สุดท้ายแล้ว “โอกาสลงทุนไทย” จะลดน้อยลง และ “เศรษฐกิจไทย” จะอ่อนแอลงในที่สุด

ดึงดูด FDI คุณภาพสูงและสร้างพลวัตใหม่ให้การส่งออก

หัวใจสำคัญของการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจคือการดึงดูด “การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ” (FDI Thailand) ให้เข้ามาในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ตัวเลขคำขอรับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ที่สวยหรูแต่กลับไม่เกิดการลงทุนจริงอย่างเป็นรูปธรรม ในปี 2568-2569 และปีต่อ ๆ ไป เราต้องมุ่งเป้าไปที่การลงทุนใน “อุตสาหกรรม S-Curve” ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและเป็นเมกะเทรนด์ของโลก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV ไทย), เศรษฐกิจดิจิทัล, เทคโนโลยีชีวภาพ, อุตสาหกรรมสีเขียว และพลังงานสะอาด

นอกจากนี้ การส่งออกซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของ “เศรษฐกิจไทย” ก็ต้องได้รับการพัฒนาให้แข็งแกร่งและหลากหลายมากขึ้น เราไม่สามารถพึ่งพิงตลาดส่งออกเดิม ๆ เพียงไม่กี่แห่งได้อีกต่อไป การแสวงหาตลาดใหม่ ๆ, การพัฒนารูปแบบสินค้าใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก, และการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าและบริการไทยในตลาดโลก จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อน “ส่งออกไทย” ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและลดความผันผวนจากเศรษฐกิจโลก

ปลดล็อกศักยภาพตลาดทุน: เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ทรงพลัง

“ตลาดหุ้นไทย” ถือเป็นหัวใจสำคัญและแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของประเทศ แต่ที่ผ่านมาบทบาทของตลาดทุนกลับยังไม่ถูกใช้ให้เต็มศักยภาพอย่างที่ควรจะเป็น ในปี 2568 ผมอยากเห็นรัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญกับตลาดทุนมากขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้สูง แต่ต้องบริหารจัดการให้คนไทยทุกกลุ่มสามารถเข้ามามีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จาก “ตลาดหุ้นไทย” ได้มากขึ้น

แนวทางที่สามารถทำได้คือการส่งเสริมการจดทะเบียนของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ (หุ้นเติบโตไทย), การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายและเข้าถึงง่าย (กองทุนรวมไทย), รวมถึงการยกระดับมาตรฐาน ESG (Environmental, Social, Governance) เพื่อดึงดูดนักลงทุนสถาบันต่างชาติ และอาจรวมถึงการพิจารณาบทบาทของสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถบูรณาการเข้ากับตลาดทุนแบบดั้งเดิมได้อย่างสร้างสรรค์ หากตลาดทุนเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จะเกิด “Wealth Effect” ที่กระตุ้นการบริโภคในระบบเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด เพราะเมื่อนักลงทุนมีกำไร พวกเขาก็จะพร้อมใช้จ่ายและลงทุนต่อ ทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจหลายรอบ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ “ดัชนีเศรษฐกิจไทย” โดยรวม

ฝ่าวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์: ปมหนี้ครัวเรือนและการเข้าถึงสินเชื่อ

ภาค “อสังหาริมทรัพย์ไทย” กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ นับตั้งแต่ปี 2567 ต่อเนื่องมาถึงปี 2568 สถานการณ์ “หนี้ครัวเรือนไทย” ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 90% กว่าของ GDP เป็นเสมือนหินถ่วงที่บีบรัดกำลังซื้อของผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ “กู้บ้านไม่ผ่าน” พุ่งสูงถึง 50-70% กลายเป็นปัญหาลูกโซ่ที่กระทบทั้งผู้ “พัฒนาอสังหาริมทรัพย์” และผู้ที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง

รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นระบบและให้เห็นผลจริง ไม่ใช่แค่การบรรเทาชั่วคราว การสนับสนุนให้สถาบันบริหารสินทรัพย์ (AMC) เข้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ (NPA) จากสถาบันการเงินเพื่อลดภาระหนี้เสีย, การพิจารณาปรับปรุงเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อให้ยืดหยุ่นขึ้นแต่ยังคงความรอบคอบ, และการออกมาตรการกระตุ้นที่ตรงจุด เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองที่สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดอย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ช่วยให้ “ตลาดบ้านไทย” กลับมาฟื้นตัวได้ และเพิ่มกำลังซื้อให้กับครัวเรือน ซึ่งจะส่งผลดีต่อทุกภาคธุรกิจ

สร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นมิตร: ลดขั้นตอน แก้คอร์รัปชั่น

ความล่าช้าและต้นทุนแฝงในการติดต่อขออนุมัติ-อนุญาตต่าง ๆ กับหน่วยงานราชการไทยยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่บั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการดึงดูด “การลงทุนต่างชาติไทย” ให้เข้ามาอย่างเต็มที่ ในฐานะผู้ประกอบการ ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอให้มีการจัดตั้ง “ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service)” ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นประตูสู่การท่องเที่ยวและการลงทุนอย่างภูเก็ต

“Ease of Doing Business ไทย” ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขในรายงาน แต่คือประสบการณ์จริงของผู้ประกอบการและนักลงทุน การปฏิรูป “ระบบราชการ” ให้โปร่งใส, รวดเร็ว, และปราศจากการ “แก้ปัญหาคอร์รัปชั่นไทย” ทุกรูปแบบ จะช่วยลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น และสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ ยิ่งระบบราชการมีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ ประเทศไทยก็จะยิ่งน่าลงทุนมากขึ้นเท่านั้น

พัฒนาทุนมนุษย์และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต: เตรียมพร้อมสำหรับโลกยุคใหม่

เศรษฐกิจไทยจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่รัฐบาลต้องลงทุนอย่างเร่งด่วนคือการยกระดับศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ ด้วยโครงการ “อัพสกิล” และ “รีสกิล” แรงงานไทยให้มี “ทักษะดิจิทัล” และทักษะที่จำเป็นสำหรับ “อุตสาหกรรม S-Curve” เช่น AI, Robotics, Data Science และ Green Technology ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากในโลกยุคใหม่ การสร้างคนให้มีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน จะเป็นรากฐานสำคัญในการดึงดูดการลงทุนที่มีมูลค่าสูง

ขณะเดียวกัน การส่งเสริมภาคบริการซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย โดยเฉพาะ “การท่องเที่ยวไทย” และ “Wellness tourism Thailand” ก็ต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานให้ทัดเทียมระดับโลก เรามี “เซอร์วิสมายด์” ที่เป็นจุดได้เปรียบ แต่ต้องมี “ของ” ที่น่าสนใจและแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาพักอาศัยและใช้จ่ายในระยะยาว

ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาเมืองสู่ระดับโลก (กรณีภูเก็ต)

การลงทุนใน “โครงสร้างพื้นฐานไทย” ขนาดใหญ่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะในมิติของ “โลจิสติกส์ไทย” ซึ่งประเทศไทยมีจุดยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากมีระบบคมนาคมขนส่งที่ดี ก็จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุน

กรณีของ “ภูเก็ต” เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ แต่กลับประสบปัญหาความแออัดจากการจราจร, ปัญหาขยะล้นเมือง, น้ำประปาไม่เพียงพอ, และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ปัญหาเหล่านี้สะท้อนถึงความขาดแคลน “เมกะโปรเจกต์ภาครัฐ” ที่จะมาจัดระเบียบและยกระดับ “ภูเก็ต” ให้เป็น “Smart City” ที่น่าอยู่และเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างแท้จริงในทุกมิติ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุม ทั้งถนน, ทางด่วน, รถไฟฟ้า, และการจัดการสาธารณูปโภคอย่างเป็นระบบ เป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อรองรับการเติบโตและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่

ก้าวสู่ “เศรษฐกิจไทยอนาคต” ที่ทุกคนมีส่วนร่วม

ปี 2568 คือโอกาสทองที่เราจะต้องร่วมกันถอดรื้อโครงสร้างเก่า สร้างอนาคตใหม่ให้ “เศรษฐกิจไทย” การปฏิรูปไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งที่เราต้องกล้าเผชิญหน้าและลงมือทำ รัฐบาล, ภาคเอกชน, และประชาชนทุกคน ต้องผนึกกำลังและมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน เพื่อให้ประเทศของเราก้าวข้ามจากกับดักการเติบโตต่ำ และบรรลุศักยภาพอันแท้จริงที่รออยู่ข้างหน้า หากเราไม่เริ่มในวันนี้ เราอาจเสียโอกาสสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตไปอย่างน่าเสียดาย

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้อง “ร่วมสร้างชาติ” ด้วยความมุ่งมั่นและความเข้าใจ เพื่ออนาคตที่สดใสและยั่งยืนของประเทศไทย เชิญชวนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งและมั่นคง!

Previous Post

D0512045 ากล วกว าผ เง นในบ ญช แหล ะ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512049 รอยร าว ในกรอบร ป(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512049 รอยร าว ในกรอบร ป(ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512049 รอยร าว ในกรอบร ป(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1312015 อมแพง อะไหล เก างบรรล EP2 part2
  • D1312014 อตน คนเย ยวเล อตน คนเย ยวเล part2
  • D1312013 อปล อยหน ามหน ไว ทำไม EP2 part2
  • D1312012 กระชากหน ากาก วยหน ากากว เศษ EP2 part2
  • D1312011 4เม ยย งไง ให คลอดว นเด ยวก EP1 part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.