• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512044 สอนล กให กลำบาก เม อไม เรา(ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 6, 2025
in Uncategorized
0
D0512044 สอนล กให กลำบาก เม อไม เรา(ละครส น) หน งส นด BSC part2

ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทยปี 2568: ถอดบทเรียนเพื่ออนาคตที่ก้าวกระโดด หนีกับดัก GDP ต่ำ และดึงดูดการลงทุนระดับโลก

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการเศรษฐกิจ การเงิน และอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมเชื่อมั่นว่าปี 2568 คือห้วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ ท่ามกลางภูมิทัศน์การเมืองที่กำลังเปลี่ยนผ่าน และความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามานำพาประเทศให้พ้นจากสภาวะชะงักงัน คำถามสำคัญคือ เราจะรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจได้อย่างไรเพื่อหนีกับดักการเติบโตที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน และสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนให้คนไทยทุกคน ในบทความนี้ ผมจะพาคุณเจาะลึกถึงความท้าทายและโอกาส พร้อมเสนอแนวทางที่มาจากประสบการณ์ตรงและมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในภาคส่วนต่างๆ เพื่ออนาคตที่สดใสของชาติ

หลุดพ้นจากหล่ม GDP ต่ำ: การปฏิรูปเชิงโครงสร้างคือหัวใจ

สถานการณ์ปัจจุบันบ่งชี้ชัดเจนว่า หากประเทศไทยยังคงดำเนินนโยบายแบบเดิมๆ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของเราจะยังคงวนเวียนอยู่เพียง 1-2% ต่อปี ซึ่งถือว่าไม่เพียงพออย่างยิ่งสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตประชากร ยิ่งไปกว่านั้น รายได้ต่อหัวของคนไทยที่ยังต่ำกว่า 8,000 เหรียญสหรัฐฯ สะท้อนถึงช่องว่างขนาดใหญ่ที่เราต้องเร่งเติมเต็ม

ในมุมมองของนักกลยุทธ์ด้านการลงทุนและผู้บริหารธุรกิจการเงินระดับประเทศหลายท่านต่างเห็นพ้องว่า การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยยาแก้ปวดที่ออกฤทธิ์เพียงชั่วคราว ไม่สามารถพาเราไปถึงเป้าหมายได้ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมองไปที่รากเหง้าของปัญหา และผ่าตัดโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ผมมองว่าการปฏิรูปนี้ไม่ใช่แค่การปรับตัว แต่เป็นการ “รื้อสร้าง” เพื่อวางรากฐานใหม่ที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นรองรับความผันผวนของโลกยุค 2025

ปลดแอกหนี้ครัวเรือน: พลิกวิกฤตเป็นพลังขับเคลื่อน

ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงลิ่ว ซึ่งบางสำนักประเมินว่าอาจพุ่งเกิน 90% ของ GDP เป็นเสมือนหินถ่วงที่ฉุดรั้งกำลังซื้อและการบริโภคภายในประเทศอย่างรุนแรง ในปี 2568 นี้ หากเราไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างจริงจังและยั่งยืน เป้าหมายในการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 3-4% จะยังคงเป็นเพียงความฝัน การแก้ปัญหาต้องไม่ใช่แค่การพักชำระหนี้หรือมาตรการบรรเทาชั่วคราว แต่ต้องครอบคลุมถึง:

การปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน: รัฐบาลและสถาบันการเงินต้องร่วมกันออกมาตรการที่ครอบคลุม ทั้งการให้คำปรึกษาทางการเงินแก่ประชาชน (Financial Literacy), การรวมหนี้, การลดดอกเบี้ย, หรือการขยายระยะเวลาผ่อนชำระที่เหมาะสมกับศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้
ส่งเสริมวินัยทางการเงิน: สร้างความรู้ความเข้าใจด้านการวางแผนการเงินส่วนบุคคล การออม และการลงทุน ให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาและวัฒนธรรมองค์กร
แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ: ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่บ่อนทำลายคุณภาพชีวิตประชาชน การบูรณาการข้อมูลและกลไกการเข้าถึงสินเชื่อในระบบสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง จะเป็นกุญแจสำคัญ

หากเราสามารถลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนลงมาอยู่ที่ระดับ 80% หรือต่ำกว่าได้อย่างแท้จริง นั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่งในการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานรากอย่างมีนัยสำคัญ

ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI): สร้างสรรค์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต

การดึงดูด FDI คือกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตและสินค้าส่งออกของไทยให้ก้าวทันโลกยุคใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขคำขอส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ที่สวยหรู แต่ต้องเป็นการลงทุนที่เกิดขึ้นจริงและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม New S-Curve และอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เราต้องการให้เป็นฐานการผลิตสำคัญ อาทิ:

ยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem): ไม่ใช่แค่การผลิตรถยนต์ แต่รวมถึงแบตเตอรี่ สถานีชาร์จ และ R&D ที่เกี่ยวข้อง
อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics): ชิ้นส่วนไฮเทค, เซมิคอนดักเตอร์, IoT
ดิจิทัลและ AI (Digital & AI): Data Centers, Cloud Computing, AI Development
พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีชีวภาพ (Clean Energy & Bio-Tech): การผลิตพลังงานหมุนเวียน, ยาและเวชภัณฑ์ขั้นสูง

รัฐบาลต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนอย่างครบวงจร ทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย การสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงกฎระเบียบให้มีความชัดเจนและรวดเร็ว รวมถึงการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรมเหล่านี้ การแข่งขันเพื่อดึงดูด FDI ทั่วโลกในปี 2568 จะยิ่งเข้มข้นขึ้น ไทยต้องแสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบที่เหนือกว่าคู่แข่ง

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เดิมที่แข็งแกร่ง: การส่งออกและการท่องเที่ยวฉบับ 2025

แม้การสร้างอุตสาหกรรมใหม่เป็นสิ่งจำเป็น แต่เราก็ไม่อาจละทิ้งเครื่องยนต์หลักที่เคยสร้างความมั่งคั่งให้ประเทศมาโดยตลอดอย่างการส่งออกและการท่องเที่ยว ในปี 2568 นี้ โลกกำลังฟื้นตัวหลังวิกฤตการณ์ต่างๆ โอกาสจึงเปิดกว้าง แต่เราต้องปรับกลยุทธ์ให้เฉียบคมขึ้น:

การส่งออก: ต้องมองหาตลาดใหม่ๆ นอกเหนือจากตลาดหลักเดิม เช่น กลุ่มประเทศเกิดใหม่ในแอฟริกาหรือละตินอเมริกา รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี สร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะสินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารคุณภาพสูง
การท่องเที่ยว: ไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่เราต้องยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวให้พรีเมียมและหลากหลายมากขึ้น เน้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่เชื่อมโยงกับจุดแข็งด้านการบริการและการแพทย์ของไทย การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติอย่างยั่งยืน และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองเพื่อกระจายรายได้

การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว เช่น สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ หรือระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ จะเป็นสิ่งสำคัญในการรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและยกระดับศักยภาพการแข่งขัน

ลดละเลิกนโยบายประชานิยม: สร้างเสถียรภาพทางการคลังที่ยั่งยืน

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เราเห็นได้ชัดว่านโยบายประชานิยมที่เน้นการแจกจ่ายเงินหรืออุดหนุนแบบชั่วคราว มักจะสร้างภาระทางการคลังในระยะยาว และไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างได้อย่างแท้จริง ในปี 2568 นี้ รัฐบาลใหม่ต้องกล้าหาญที่จะลดละเลิกนโยบายเหล่านี้ และหันมาใช้งบประมาณอย่างมีวินัยและโปร่งใส มุ่งเน้นไปที่:

การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: ที่สร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจในระยะยาว (เช่น ระบบคมนาคมขนส่ง, โครงข่ายดิจิทัล)
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์: การศึกษา, การฝึกอบรมทักษะแรงงาน
การสนับสนุน SMEs: ด้วยมาตรการที่เข้าถึงง่ายและตรงจุด เพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กเติบโตและสร้างงาน

การรักษาวินัยทางการคลัง จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และทำให้ไทยมีพื้นที่ในการดำเนินนโยบายทางการเงินเพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต

ยกระดับตลาดหุ้น: หัวใจของการระดมทุนและการสร้างความมั่งคั่ง

ตลาดหุ้นไทยควรได้รับการให้ความสำคัญในฐานะแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หลายครั้งที่เราละเลยศักยภาพอันมหาศาลของตลาดทุน ในปี 2568 รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลควรส่งเสริมให้ตลาดหุ้นทำหน้าที่ได้อย่างเต็มศักยภาพ:

เพิ่มสภาพคล่องและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ: ด้วยการปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้ทันสมัย โปร่งใส และสร้างความน่าสนใจให้กับบริษัทจดทะเบียน (เช่น กลุ่มหุ้น Growth Stock, หุ้นปันผล)
ส่งเสริมการเข้าถึงตลาดทุนสำหรับประชาชน: ลดข้อจำกัดในการลงทุน สร้างความรู้ความเข้าใจด้านการลงทุน (การวางแผนการเงิน) และเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย (เช่น กองทุนรวม) เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมและสร้างความมั่งคั่งจากตลาดหุ้นได้
ใช้ประโยชน์จาก “Wealth Effect”: เมื่อตลาดหุ้นขาขึ้น ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนจะนำไปสู่การบริโภคที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม

การบริหารจัดการตลาดหุ้นที่ดี สามารถเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจอีกตัวที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว

เสถียรภาพทางการเมืองและทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง: ปัจจัยสู่ความสำเร็จ

นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่างมองหาความต่อเนื่องและความแน่นอนในการดำเนินนโยบาย การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้ง หรือการที่ทีมเศรษฐกิจขาดเอกภาพและอำนาจในการสั่งการ จะบั่นทอนความเชื่อมั่นและทำให้การวางแผนระยะยาวเป็นไปได้ยาก ในปี 2568 เราต้องการ:

รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ: สามารถบริหารประเทศได้ตามวาระ และดำเนินนโยบายได้อย่างต่อเนื่อง
ทีมเศรษฐกิจที่มีเอกภาพ: หัวหน้าทีมเศรษฐกิจต้องมีอำนาจและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน สามารถบูรณาการการทำงานของกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ
ลดความขัดแย้งทางการเมือง: เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาประเทศได้อย่างเต็มที่

เสถียรภาพทางการเมืองเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้นโยบายต่างๆ ที่เราวางไว้สามารถขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จได้จริง

ฝ่าวิกฤตอสังหาริมทรัพย์: จุดคานงัดเศรษฐกิจปี 2568

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เผชิญกับความท้าทายที่หนักหน่วงที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2568 ที่คาดว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์จะยังคงอยู่ในระดับต่ำ สาเหตุหลักมาจาก:

หนี้ครัวเรือนสูง: ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง และธนาคารเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อบ้าน โดยมีอัตราปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 50-70% ในบางพื้นที่
อุปทานส่วนเกิน: ในบางทำเลและบางประเภทที่อยู่อาศัย

รัฐบาลต้องเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจังและรอบด้าน ไม่ใช่แค่การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องรวมถึง:

การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน: เพื่อเพิ่มกำลังซื้อและลดภาระผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และทุกภาคส่วน
ส่งเสริมการลงทุนอสังหาริมทรัพย์: โดยเฉพาะในโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ เช่น ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Wellness Residence), ที่อยู่อาศัยที่เน้นพลังงานสะอาด (Green Building), หรือโครงการ mixed-use ที่ผสานไลฟ์สไตล์
สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ: โดยเฉพาะกลุ่ม Long-term Stay หรือกลุ่มวัยเกษียณที่มีกำลังซื้อสูง ให้สามารถเข้ามาลงทุนหรือซื้อที่อยู่อาศัยในไทยได้ง่ายขึ้นภายใต้กฎเกณฑ์ที่โปร่งใส

ลดคอร์รัปชันและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ: สร้างแต้มต่อให้ไทย

ในฐานะผู้ประกอบการ สิ่งที่เราต้องการเห็นจากทุกรัฐบาลคือการปรับปรุง “Ease of Doing Business” ให้ดีขึ้นอย่างแท้จริง การติดต่อขออนุมัติ-อนุญาตจากหน่วยงานราชการไทยยังคงล่าช้า ซับซ้อน และมี “ต้นทุนแฝง” จากปัญหาคอร์รัปชัน ซึ่งบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างมาก

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนาน การแก้ไขต้องทำอย่างเป็นระบบ:

One Stop Service ที่แท้จริง: ไม่ใช่แค่การรวมศูนย์ แต่ต้องลดขั้นตอนและเอกสาร เพิ่มความโปร่งใส ตรวจสอบได้ด้วยระบบดิจิทัล
การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็งและเป็นธรรม: ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง และลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด
ปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัย: ยกเลิกกฎหมายที่ล้าสมัยและเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ

หากประเทศไทยสามารถทำให้การประกอบธุรกิจเป็นเรื่องง่าย สะดวก รวดเร็ว และปราศจากการคอร์รัปชัน เราจะสามารถดึงดูดทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติให้เข้ามาลงทุนและสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างเต็มที่

เพิ่มศักยภาพแรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน: เตรียมพร้อมสำหรับโลกอนาคต

เศรษฐกิจไทยจะก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วได้ ต้องอาศัยการยกระดับศักยภาพของ “คน” และ “โครงสร้างพื้นฐาน”:

Upskill-Reskill แรงงาน: ลงทุนกับการศึกษาและฝึกอบรมทักษะที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรม New S-Curve เช่น ทักษะดิจิทัล, วิทยาศาสตร์ข้อมูล, AI, วิศวกรรมขั้นสูง เพื่อให้แรงงานไทยเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานโลกยุคใหม่
โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่: ไม่ใช่แค่ถนน แต่รวมถึงระบบคมนาคมขนส่งแบบบูรณาการ (รถไฟความเร็วสูง, รถไฟฟ้า), โครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง, Smart City infrastructure และระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัยและเพียงพอต่อการเติบโตของเมือง
Wellness และ Service Mind: ไทยมีจุดแข็งด้านการบริการและสุขภาพระดับโลก เราต้องส่งเสริมและใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ให้เต็มที่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง และนักลงทุนที่สนใจลงทุนในธุรกิจบริการ

นอกจากนี้ การที่ไทยตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้เรามีศักยภาพในการเป็น Regional Logistic Hub หากเรามีการคมนาคมขนส่งที่ดี ก็จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างมหาศาล

ภูเก็ตโมเดล: ต้นแบบเมืองระดับโลกที่ต้องแก้ปัญหาเชิงระบบ

กรณีศึกษาของภูเก็ตสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยังขาดการจัดการเชิงระบบที่ดี แม้ภูเก็ตจะเป็นเมืองที่สร้างรายได้มหาศาลจากการท่องเที่ยว แต่ชาวภูเก็ตกลับต้องเผชิญกับปัญหาเรื้อรัง เช่น รถติด, ขยะล้นเมือง, น้ำประปาไม่เพียงพอ, และปัญหาด้านความปลอดภัย

สิ่งที่ภูเก็ตต้องการ และอาจเป็นต้นแบบให้กับเมืองสำคัญอื่นๆ คือ:

One Stop Service ที่มีประสิทธิภาพ: เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติในการติดต่อราชการ ลดขั้นตอน ลดความล่าช้า และขจัดปัญหาคอร์รัปชัน
เมกะโปรเจกต์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน: เช่น ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า), ถนนหนทางที่ได้มาตรฐาน, ระบบจัดการขยะและน้ำเสียที่ทันสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ และเสริมภาพลักษณ์ของภูเก็ตในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่น่าอยู่อย่างแท้จริง
การบริหารจัดการแบบบูรณาการ: หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพ เพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและวางแผนพัฒนาระยะยาว

อนาคตของไทยอยู่ที่การลงมือทำ

ปี 2568 ไม่ใช่ปีที่เราจะสามารถประคับประคองสถานการณ์ไปได้อีกต่อไป หากเราต้องการเห็นประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักการเติบโตที่ต่ำ สร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืน และเป็นประเทศที่น่าอยู่ น่าลงทุนอย่างแท้จริง การปฏิรูปเชิงโครงสร้างในทุกมิติที่กล่าวมาข้างต้นไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือความจำเป็นเร่งด่วน

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้ามองและคลุกคลีกับวงการนี้มาตลอด ผมเชื่อมั่นว่าเรามีศักยภาพ มีทรัพยากร และมีคนเก่งที่จะช่วยกันขับเคลื่อนประเทศนี้ไปข้างหน้าได้ ขอเพียงแค่ภาครัฐกล้าที่จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และดึงทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงใจ

ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ผู้ประกอบการ นักลงทุน หรือประชาชน ต้องร่วมมือกัน สร้างแรงผลักดัน และร่วมกันออกแบบอนาคตของประเทศไทยให้เป็นไปในทิศทางที่เราใฝ่ฝัน ถึงเวลาแล้วที่จะต้องลงมือทำอย่างจริงจัง เพื่อวางรากฐานอันมั่นคงสำหรับคนรุ่นต่อไป.

มาร่วมสร้างประเทศไทยที่ก้าวกระโดดและแข็งแกร่งไปด้วยกัน. หากท่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวางแผนการลงทุน หรือต้องการคำปรึกษาด้านการจัดการความมั่งคั่ง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนี้ โปรดติดต่อเราวันนี้.

Previous Post

D0512043 หลอกขายท เร ยนส แดง โดนหลอกกล บไม โกง (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512046 เป นคนใช ามสวยกว าค ณนาย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512046 เป นคนใช ามสวยกว าค ณนาย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512046 เป นคนใช ามสวยกว าค ณนาย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D0512045 ากล วกว าผ เง นในบ ญช แหล ะ(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512047 ดเล อกล กเขยร านทอง(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512046 เป นคนใช ามสวยกว าค ณนาย(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512044 สอนล กให กลำบาก เม อไม เรา(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512043 หลอกขายท เร ยนส แดง โดนหลอกกล บไม โกง (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.