ถอดรหัสกลยุทธ์ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค: พลิกวิกฤตอสังหาฯ 2025 สู่ความยั่งยืนด้วยนวัตกรรมและรายได้ประจำ ปี 2569
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมากว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าปี 2565-2568 (2022-2025) ได้นำพาความท้าทายที่ซับซ้อนและรุนแรงที่สุดมาสู่ตลาดอสังหาฯ ที่เราเคยประสบพบเจอมา ภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่แน่นอน ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ยังคงสร้างความคลุมเครือ ได้สร้างแรงกดดันมหาศาลต่อทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางพายุเศรษฐกิจและการเมืองที่โหมกระหน่ำนี้ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอย่าง พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (Property Perfect) กลับเลือกที่จะ “พลิกเกม” ด้วยกลยุทธ์เชิงรุกที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยวิสัยทัศน์ เตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในปี 2569 และปีต่อๆ ไป
พายุเศรษฐกิจและการเมือง: ภาพสะท้อนตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568
สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากภาวะเงินเฟ้อสูง อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจไทย กำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากภาระหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น และความเชื่อมั่นที่ตกต่ำลงจากการที่เศรษฐกิจยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน ผู้ซื้อจำนวนมากจึงชะลอการตัดสินใจในการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ซึ่งเคยเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาด
ในด้านการเมือง การเปลี่ยนผ่านผู้นำและรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา แม้จะนำมาซึ่งความหวัง แต่ก็ยังขาดความชัดเจนและต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจที่เพียงพอที่จะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่ สถานการณ์เช่นนี้ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นในภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็ว ทั้งกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่เคยเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนอสังหาฯ ต่างชะลอการตัดสินใจ ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยซบเซาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบ 20 ปี
ข้อมูลเชิงลึกจากตลาดบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ทั้งอุปทานและอุปสงค์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าในปี 2568 จำนวนโครงการเปิดใหม่จะลดเหลือเพียงประมาณ 30,000 หน่วย ซึ่งสวนทางกับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่ประมาณ 46,000 หน่วย แม้จะดูเหมือนมีความต้องการที่ยังสูงกว่าอุปทาน แต่ช่องว่างนี้ไม่ได้สะท้อนถึงกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง หากแต่เป็นการสะท้อนถึงความลังเลและความระมัดระวังในการใช้จ่ายของผู้บริโภคเป็นหลัก ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อประคองสถานการณ์
จากประสบการณ์ของผม การเผชิญหน้ากับความท้าทายเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายต้องหยุดชะงัก หรือปรับลดแผนการลงทุนลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่สำหรับ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค พวกเขากลับมองเห็นโอกาสในการปรับโครงสร้างและสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค: แผนกลยุทธ์เชิงรุกสู่เป้าหมายหมื่นล้านปี 2569
นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ได้ตระหนักดีถึงสองปัจจัยหลักคือเศรษฐกิจและการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และได้วางแผนกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 11,000 ล้านบาทในปี 2569 ซึ่งแบ่งเป็นยอดขายจากโครงการของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 9,000 ล้านบาท และจากโครงการคอนโดมิเนียมของ แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออีก 2,000 ล้านบาท นี่ไม่ใช่เพียงแค่การตั้งเป้าหมาย แต่เป็นการประกาศเจตจำนงที่จะฟื้นตัวและกลับมาสร้างการเติบโตอีกครั้ง
กุญแจสำคัญที่ทำให้พวกเขามั่นใจ คือประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และการนำข้อมูลเชิงลึก (Data-Driven) มาใช้ในการวิเคราะห์ตลาดอย่างแม่นยำ เพื่อให้การพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเมนต์ แม้ตลาดจะยังคงหดตัว แต่ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและความเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามความท้าทายนี้ไปให้ได้
เสาหลักที่ 1: นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการยกระดับคุณภาพการก่อสร้าง
ในสภาพตลาดที่กำลังซื้อของผู้บริโภคมีจำกัด การสร้างความแตกต่างและมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จึงมุ่งเน้นการยกระดับผลิตภัณฑ์และคุณภาพงานก่อสร้างอย่างจริงจัง โดยมีแผนเปิดตัวแบบบ้านรุ่นใหม่ในทุกเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ที่ผ่านการออกแบบร่วมกันระหว่างทีมสถาปนิกทั้งภายในและภายนอกองค์กร
นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการปรับรูปแบบบ้านและฟังก์ชันภายในให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยที่ยืดหยุ่น เช่น พื้นที่สำหรับการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ห้องสำหรับกิจกรรมอดิเรก หรือพื้นที่สำหรับสมาชิกในครอบครัวหลายช่วงวัย (Multi-generational Living) ที่ต้องอยู่ร่วมกัน
นอกจากนี้ การควบคุมคุณภาพงานก่อสร้างให้เข้มข้นเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อในยุคที่ผู้บริโภคมีความละเอียดอ่อนและต้องการความคุ้มค่าสูงสุด พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ได้พัฒนากระบวนการตรวจสอบให้มีมาตรฐานสูงขึ้น ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุ การควบคุมงานในทุกขั้นตอน ไปจนถึงการส่งมอบบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกยูนิตมีคุณภาพตามมาตรฐานสูงสุด และสามารถแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการแข่งขันสูงได้ การลงทุนในนวัตกรรมที่อยู่อาศัยและการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดและรักษาฐานลูกค้า
เสาหลักที่ 2: การ redefined วิถีชีวิตด้วย Health & Lifestyle Club
หนึ่งในกลยุทธ์ที่โดดเด่นและเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจ คือการปรับปรุงสโมสรรวม 25 แห่งภายในโครงการต่าง ๆ ของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ให้เป็น “ศูนย์สุขภาพและไลฟ์สไตล์” (Health & Lifestyle Club) แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นแนวคิดพื้นที่ส่วนกลางรูปแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความสะดวกสบายอย่างครบวงจร
ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น สโมสรแบบเดิมๆ ที่มีเพียงฟิตเนสและสระว่ายน้ำอาจไม่เพียงพออีกต่อไป การปรับปรุงครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของสมาชิกโครงการ แต่ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Added Value) ให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างมหาศาล สโมสรใหม่นี้อาจรวมถึงโซนสำหรับกิจกรรมโยคะ สตูดิโอสำหรับออกกำลังกายแบบกลุ่ม พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมงานอดิเรก เวิร์คช็อปส่งเสริมสุขภาพ หรือแม้แต่บริการปรึกษาด้านสุขภาพเบื้องต้น
การลงทุนในสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์เทรนด์ Health & Wellness นี้ เป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด เพราะมันไม่เพียงแค่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกบ้านปัจจุบัน แต่ยังเป็นจุดขายที่แข็งแกร่งในการดึงดูดผู้ซื้อรายใหม่ที่มองหาบ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบองค์รวม นี่คือการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือกว่าแค่ที่พักอาศัย แต่เป็นชุมชนที่ส่งเสริมสุขภาพกายและใจ ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดขายอสังหาฯ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
เสาหลักที่ 3: การสร้างรายได้ประจำและความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
วิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมาได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการกระจายความเสี่ยงและสร้างแหล่งรายได้ที่มั่นคงให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จึงมุ่งมั่นที่จะปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความกระชับขึ้น เน้นการสร้างรายได้จากบริษัทร่วมทุนให้เพิ่มขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือการขยายโอกาสในธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงในระยะยาว
บริษัทฯ ได้วางแผนการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างกระแสรายได้ที่สม่ำเสมอ โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ประจำให้อยู่ในระดับไม่น้อยกว่า 30% ภายในปี 2571 (2028) นี่คือการมองไปข้างหน้าอย่างมีวิสัยทัศน์ เพื่อลดการพึ่งพิงรายได้จากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งมีความผันผวนสูง
ประเภทของธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำอาจรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า เช่น อาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก โรงแรม (ซึ่ง แกรนด์ แอสเสท มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว) เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ หรือแม้กระทั่งการลงทุนในธุรกิจด้านบริการที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย เช่น การบริหารจัดการทรัพย์สิน หรือธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ การลงทุนระยะยาวในธุรกิจเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการความเสี่ยงและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว ไม่ว่าตลาดอสังหาฯ เพื่อขายจะผันผวนเพียงใดก็ตาม
บทสรุปและเส้นทางข้างหน้า
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่ากลยุทธ์ของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ในปี 2569 เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจอย่างยิ่งในการรับมือกับความท้าทายของตลาดอสังหาฯ ในยุค 2025 ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน พวกเขาไม่ได้เพียงแค่ตั้งรับ แต่เลือกที่จะพลิกเกมด้วยวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการผ่านนวัตกรรมด้านไลฟ์สไตล์ และการสร้างรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วยรายได้ประจำ
แม้ว่าเส้นทางสู่เป้าหมายหมื่นล้านบาทและสัดส่วนรายได้ประจำ 30% ภายในปี 2571 จะยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเฉพาะปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ด้วยประสบการณ์ ความมุ่งมั่น และกลยุทธ์ที่รอบคอบ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความพร้อมที่จะก้าวผ่านวิกฤตนี้และผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดที่ยั่งยืน
หากคุณคือนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังปรับตัว หรือผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ผมขอเชิญชวนให้ศึกษาและทำความเข้าใจกลยุทธ์ของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน

